ดาวน์โหลดวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊ก!!
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 70,908 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 22.00 น. วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2549
ผู้ตัดสิน เกรแฮม โพลล์
การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิพยังเปิดกว้างหลังจากรูนี่ย์ และปาร์ค ซัดคนละตุงพาปิศาจแดง เชือดไอ้ปืนใหญ่ อย่างสะใจ
เวลาอีก 90 นาทีได้หมดลงไปอีกครั้งแล้วแต่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิพยังคงเปิดกว้างหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอบกลับชัยชนะของเชลซี ด้วยชัยชนะที่น่าประทับใจในการพบกับอาร์เซนอล
เวยน์ รูนี่ย์ และปาร์ค จีซุง ทำคนละประตูจัดการไอ้ปืนใหญ่ ซึ่งเริ่มต้นเกมได้ดีกว่าแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดในครึ่งเวลาหลังต่อหน้ากองเชียร์ในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด จำนวน 70,908 คน ซึ่งเป็นการทำสถิติจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดของปิศาจแดง
ผลงานอันยอดเยี่ยมของรูนี่ย์ กองหน้าวัย 20 ปีได้รับการชื่นชมเป็นอย่างยิ่งในวันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉลองครบรอบ 50 ปีการคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกของบัสบี้ เบบส์ ในปี 1956
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงทีม 2 ตำแหน่งจากชุดที่บุกไปเอาชนะโบลตัน 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยรุด ฟาน นิสเตลรอย ได้กลับมาเป็นกองหน้าตัวจริงแทนที่ของหลุยส์ ซาฮา ที่ตกไปเป็นตัวสำรอง ในขณะที่ปาร์ค จีซุง ได้ลงเล่นแทนที่ของดาร์เรน เฟล็ตเชอร์
เริ่มต้นเกมได้ไม่ถึง 3 นาที อาร์เซนอล มีโอกาสทำประตูก่อนเมื่อเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนที่ของเธียร์รี่ อองรี ก่อนหน้านั้นก็ต้องขอบคุณเนมานย่า วิดิช ที่พุ่งสกัดได้ในกรอบเขตโทษ
ฟาน เพอร์ซี่ ได้โอกาสทำประตูอีกครั้งในนาทีที่ 8 แต่ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิมเมื่อฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งไปป้องกันเอาไว้ได้อีกครั้ง กองหน้าหมายเลข 11 ของอาร์เซนอล สนุกกับการทดสอบริโอ เฟอร์ดินานด์ และเนมานย่า วิดิช คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เริ่มจะถูกกดดันจากภายในทีมด้วยหลังจากเวส บราวน์ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองในนัดนี้
แกรี่ เนวิลล์ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุมเป็นครั้งแรกในนาทีที่ 13 เมื่อลูกเปิดของเขาไปให้กับรูนี่ย์ ที่เสาไกลถูกเอ็มมานูเอล เอบูเอ้ แบ็คขวาของอาร์เซนอล โหม่งสกัดออกหลังไป เฟอร์ดินานด์ เติมขึ้นมาลุ้นทำประตูในจังหวะนี้แต่ลูกโหม่งของเขาผ่านหน้าปากประตูไปไม่มีใครตามซ้ำได้ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามไปเก็บบอลเปิดย้อนกลับมาก็ออกหลังไปกลายเป็นลูกตั้งเตะจากประตู หลังจากนั้น โรนัลโด้ ได้โอกาสซัดลูกฟรีคิกระยะ 35 หลาแต่เขากลับซัดเหินข้ามคานออกไปไกล
ในนาทีที่ 18 ปาร์ค กระชากบอลผ่านเอบูเอ้ ไปแล้วแต่เปิดบอลเข้ากลางไม่ได้เมื่อถูกโคโล ตูเร่ ตามมาสกัดออกไปก่อน จากลูกเตะมุม ไรอัน กิ๊กส์ เปิดย้อนกลับมานอกกรอบเขตโทษให้รูนี่ย์ ตั้งป้อมเตรียมยิงแต่ถูกนักเตะของอาร์เซนอล พุ่งมาสกัดกลายเป็นลูกฟาวล์ โรนัลโด้ รับอาสายิงลูกฟรีคิกอีกครั้ง คราวนี้บอลพุ่งเข้ากรอบแต่ไปตรงตัวเยนส์ เลห์มันน์ ใช้ 2 มือชกบอลออกมาได้
เลห์มันน์ ต้องออกแรงเซฟอีกครั้งด้วยการพุ่งสุดตัวไปทางขวาเพื่อปัดลูกยิงเต็มแรงจากนอกกรอบเขตโทษของรูนี่ย์ และปิศาจแดง มาได้ลูกฟรีคิกอีกครั้ง แต่กิ๊กส์ เปิดเข้ากลางมาไม่มีอะไร
อเล็คซานเดอร์ เฮล็บ ดูอันตรายเมื่อได้ครองบอลแต่ลูกยิงของเขาในนาทีที่ 24 ไม่ได้ทำอันตรายอะไรให้กับฟาน เดอร์ ซาร์ เมื่อบอลพุ่งเหินข้ามคานออกหลังไปไกล
ลูกยิงของรูนี่ย์ ในนาทีที่ 26 ทำให้เลห์มันน์ ต้องออกแรงป้องกันอีกครั้ง คราวนี้มือซ้ายของผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมันปฏิเสธการทำประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเริ่มจะครองเกมได้เหนือกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ
กิ๊กส์ เปิดลูกเตะมุมอีกครั้งในนาทีที่ 27 แต่ลูกโหม่งลงพื้นของมิเกล ซิลแวสตร์ พุ่งไม่ตรงกรอบ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 33 เมื่อกองหลังของอาร์เซนอล สกัดลูกเปิดเข้ากลางของเนวิลล์ พลาดแต่กิ๊กส์ ขึ้นโหม่งผิดจังหวะทำให้บอลลอยข้ามคานออกไป อาร์เซนอล โต้กลับมาได้โอกาสยิงจากฟาน เพอร์ซี่ แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็พุ่งเซฟได้อีกครั้งอย่างยอดเยี่ยม
หลังจากนั้น รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้โอกาสยิงหลุดข้างเสาออกไป ในขณะที่เฟอร์ดินานด์ ต้องเตะสกัดบอลออกหลังไปเป็นลูกเตะมุมของอาร์เซนอล เมื่อเหลือเวลาในครึ่งแรก 10 นาที
ปาร์ค สร้างโอกาสครั้งต่อมาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยลูกเปิดน้ำหนักพอเหมาะพอดีจากฝั่งซ้ายเข้ากลางไปให้กับฟาน นิสเตลรอย ได้โหม่ง แต่เลห์มันน์ เซฟเอาไว้ได้อย่างสบาย หลังจากนั้น ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมันต้องออกแรงอีกครั้งเพื่อป้องกันลูกยิงของโรนัลโด้
ช่วงท้ายของครึ่งเวลาแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมควรได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อฟาน นิสเตลรอย แทงบอลทะลุช่องให้กับรูนี่ย์ หลุดกับดักล้ำหน้าไปดวลเดี่ยวกับเลห์มันน์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษดึงบอลหลบผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมันไปได้แล้วก่อนที่จะบรรจบยิงอัดเต็มแรงไปหน้าปากประตูที่มีแต่กองหลังของอาร์เซนอล วิ่งลงมาป้องกัน บอลไปแฉลบตูเร่ ที่ดูเหมือนจะพุ่งมาบล็อกเอาไว้ได้ แล้วบอลก็พุ่งไปชนเสาเด้งออกมาโดยมีฟิลิปเป้ เซนเดอรอส ยืนขาตายบนเส้นประตู
แต่จากภาพช้าทางโทรทัศน์ ตูเร่ ใช้มือยื่นออกมาปัดบอลในขณะที่พุ่งไปบล็อกลูกยิงของรูนี่ย์ ซึ่งหากผู้ตัดสินเห็นก็สมควรจะเป็นการเจตนาทำแฮนด์บอล ต้องได้เป็นลูกจุดโทษ และตูเร่ ต้องถูกไล่ออกจากสนาม แต่ทว่าเกรแฮม โพลล์ ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป ทำให้สกอร์ยังคงอยู่ที่ 0-0 เมื่อจบครึ่งเวลาแรก และผู้เล่นของอาร์เซนอล ยังคงมีครบ 11 คน รูนี่ย์ และแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งแต่ก็มั่นใจว่าในครึ่งหลังจะได้รับความยุติธรรมมากกว่านี้
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมีฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่าและเปิดฉากบุกกดดันต่อทันที ทำให้อาร์เซนอล ต้องทำฟาวล์อันตรายบ่อยขึ้น ในนาทีที่ 49 กิ๊กส์ พาบอลลุยขึ้นหน้าแต่ถูกจิลแบร์โต้ ซิลวา ใช้ตัวเข้าขวางกลายเป็นใบเหลืองใบแรกในนัดนี้
แฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงร้อง “Same old Arsenal, always cheating ” (อาร์เซนอล เจ้าเก่า ขี้โกงไม่เคยเปลี่ยน) ก่อนที่เลห์มันน์ จะทำสำออยสะดุดตกลงไปข้างป้ายโฆษณาขอบสนามด้านหน้าอัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ หลังจากไปโดนตัวเฟอร์ดินานด์ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในนาทีที่ 54 รูนี่ย์ ก็เจาะตาข่ายไอ้ปืนใหญ่ ได้สำเร็จจนได้ วิดิช ล้มตัวสกัดบอลไปเข้าทางซิลแวสตร์ แบ็คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสพาบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนที่จะเปิดเข้ากลางไปให้กับรูนี่ย์ ซึ่งยืนโล่งคนเดียวไม่มีใครประกบในกรอบเขตโทษ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษจับบอลลงก่อนที่จะบรรจงซัดด้วยเท้าขวาจากระยะ 12 หลาเสียบมุมเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 54
กองเชียร์เจ้าถิ่นซึ่งมีอยู่เป็นส่วนมากในจำนวน 70,908 คนส่งเสียงเชียร์สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าอาร์เซนอล จะมีโอกาสทำประตูตีเสมอได้บ้างเมื่อเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ยิงข้ามคานออกไป และฟาน เพอร์ซี่ ยิงวืดจากลูกเปิดเรียดของเอบูเอ้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนตัวเอารุด ฟาน นิสเตลรอย ออกมาให้หลุยส์ ซาฮา ลงเล่นแทน และอาร์แซน เวนเกอร์ ก็โต้ตอบด้วยการเปลี่ยนตัวทีเดียว 2 คน อาบู ดิยาบี้ และเธียร์รี่ อองรี ลงเล่นแทนฟรานเชส ฟาเบรกาส และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่
โรแบร์ ปิแรส ต้องเดินกระเผลกออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามหลังจากถูกจอห์น โอเชีย ทำฟาวล์และได้รับใบเหลืองไปในจังหวะนี้ อองรี ลองยิงลูกฟรีคิกแต่บอลพุ่งออกนอกกรอบไป หลังจากนั้น ปิแรส ได้ยิงออกนอกกรอบอีกครั้งจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของเฮล็บ ซึ่งปิศาจแดง เตะสกัดออกมาไม่ค่อยดี
อาร์เซนอล เปลี่ยนตัวคนที่ 3 ให้เฟรดริก ลุงเบิร์ก ลงเล่นแทนเฮล็บ ในนาทีที่ 74 ซึ่งในจังหวะต่อมา ซาฮา ก็ได้โหม่งหลุดกรอบออกไปจากลูกเปิดทางปีกขวาของโรนัลโด้
ลุงเบิร์ก สะดุดขาตัวเองล้มลงในจังหวะที่พาบอลขึ้นมา แต่ซิลแวสตร์ กลับได้รับใบเหลืองเพราะโพลล์ มองว่าเขาไปทำฟาวล์ทั้งที่ไม่ได้โดนตัวกันเลยแม้แต่นิดเดียว แบ็คซ้ายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อถูกผู้ตัดสินจดชื่อในนาทีที่ 76
อีก 2 นาทีต่อมา นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคนหนึ่งก็ได้ยิ้มบ้าง ยิ้มแบบยินดีเต็มที่เลยด้วย เขาคือปาร์ค จีซุง ซึ่งทำประตูที่ 2 ให้กับทีมได้สำเร็จ เนวิลล์ ไหลบอลขนานเส้นข้างให้รูนี่ย์ ได้หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวา เซนเดอรอส พยายามเข้าสกัดแต่ไม่สำเร็จ กองหน้าทีมชาติอังกฤษพาบอลลุยหลบไปได้ถึงเส้นหลังก่อนที่จะเปิดหักเข้ากลางผ่านหน้าเลห์มันน์ ไปถึงเสาไกลให้ปาร์ค ยิงจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 78
ในนาทีที่ 84 ปาร์ค จีซุง ถูกเปลี่ยนตัวออกไปให้ปาทริซ เอวร่า ลงมาเล่นแทนในบรรยากาศที่สุดแสนจะชื่นมื่นในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะอาร์เซนอล ไปได้ 2-0 เป็นชัยชนะนัดที่ 9 ติดต่อกันในพรีเมียร์ชิพของปิศาจแดง ด้วยผลงานการเล่นอันยอดเยี่ยม ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกยังไม่จบลงซะทีเดียวนัก แม้ว่าเชลซี จ่าฝูงของตารางยังคงนำห่างถึง 7 คะแนน โดยเหลือเกมการแข่งขันอีกเพียง 5 นัดเท่านั้นก็ตาม แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยังคงตามติดในตำแหน่งรองจ่าฝูงรอความผิดพลาดเกิดขึ้นกับเชลซี (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22 ( น. 71)
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 ( น. 76)
เนมานย่า วิดิช 15 ( น. 55)
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ปาร์ค จีซุง 13 ( น. 78)
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 54)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
เวส บราวน์ 6
ปาทริซ เอวร่า 3 น. 84 ปาร์ค จีซุง 13
เชราร์ด ปิเก้ 28
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 62 รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
อาร์เซนอล
เยนส์ เลห์มันน์ 1
เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 27
ฟิลิปเป้ เซนเดอรอส 20
โคโล ตูเร่ 28
จิลแบร์โต้ ซิลวา 19 ( น. 46)
ฟรานเชส ฟาเบรกาส 15
มาติเยอ ฟลามินี่ 16
อเล็คซานเดอร์ เฮล็บ 13
โรแบร์ ปิแรส 7
เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 25
โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ 11
สำรอง
มาร์ท ปูม 21
โยฮัน โฌโร 36
อาบู ดิยาบี้ 2 น. 69 ฟรานเชส ฟาเบรกาส 15
เฟรดริก ลุงเบิร์ก 8 น. 74 อเล็คซานเดอร์ เฮล็บ 13
เธียร์รี่ อองรี 14 น. 69 โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ 11
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 8, ยิงหลุดกรอบ 5, เตะมุม 5, ฟาวล์ 17, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 50.3%
อาร์เซนอล ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 7, เตะมุม 3, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 49.7%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 8, แกรี่ เนวิลล์7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8, เนมานย่า วิดิช 7, มิเกล ซิลแวสตร์ 8, จอห์น โอเชีย7, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 6, ไรอัน กิ๊กส์ 7, ปาร์ค จีซุง 6, เวย์น รูนี่ย์ 9, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, ปาทริซ เอวร่า (สำรอง) 6, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6
อาร์เซนอล เยนส์ เลห์มันน์ 9, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 7, ฟิลิปเป้ เซนเดอรอส 8, โคโล ตูเร่ 6, มาติเยอ ฟลามินี่ 8, อเล็คซานเดอร์ เฮล็บ 7, ฟรานเชส ฟาเบรกาส 6, จิลแบร์โต้ ซิลวา 6, โรแบร์ ปิแรส 6, โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ 7, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 7, อาบู ดิอาบี้ (สำรอง) 6, เฟรดริก ลุงเบิร์ก (สำรอง) 6, เธียร์รี่ อองรี (สำรอง) 6
Por